5 องศาเซลเซียส อ่อนเพลียมาก หรือมีอาการนานกว่า 48 ชั่วโมง และผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมทั้งเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และผู้สูงอายุ ไม่ควรรักษาเอง เพราะถ้าอาการรุนแรงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เอกสารอ้างอิง Health Organization. Diarrhea Treatment Guidelines. The MOST Project; 2005. World Gastroenterology Organization. Acute diarrhea in adults and children: a global perspective [Internet]. 2012 [Cited 2014 Aug 3]. Available from:. ดร. ปริญญา อรุโณทยานันท์. เกลือเพื่อชีวิต [Internet]. [Cited 2014 Aug 31]. Available from:. สมาคมแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย. แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันในผู้ใหญ่. กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์ชุมชุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2546.
ตลอด 24 ชั่วโมง ถามเลย ที่นี่ ติดตามGedGoodLife ช่องทางอื่น ๆ ได้ที่… Facebook: GEDGoodLife Nutroplex: nutroplexclub Twitter: @gedgoodlife Line: @gedgoodlife Youtube: GEDGoodLife ชีวิตดีดี
I'm Coojii อยากผ่อนคลายติดตามเรื่องราวไลฟสไตล์ชิคคูล คลิก Akerufeed โหลดความสุขสิ่งดีดี พร้อมรอส่งต่อกับทุกคนอยู่ที่นี่นะจ๊ะคนดี
โรคมะเร็งเป็นโรคอันดับต้นๆ ที่คร่าชีวิตคนไทย และ "มะเร็งต่อมน้ำเหลือง" คือ 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบได้บ่อย ซึ่งระบบน้ำเหลืองของร่างกายนั้นจะมีหน้าที่ต่อสู้เชื้อโรค และประกอบไปด้วยเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่สร้างสารภูมิคุ้มกันหรือทำลายเชื้อโรค โดยต่อมน้ำเหลืองพบได้ทั่วร่างกาย เช่น บริเวณลำคอ รักแร้ เต้านม หรือบริเวณขาหนีบ ฯลฯ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมี 2 ชนิด 1. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Non-Hodgkin lymphoma (NHL) โดยในประเทศไทยพบชนิดนี้บ่อยที่สุด 2. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin disease (HD) ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นกับ "เพศชาย" มากกว่าเพศหญิง ช่วงอายุประมาณ 60 – 70 ปี รวมไปถึงผู้ที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori และการติดเชื้อไวรัส EBV การสัมผัสสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง ตลอดจนผู้ป่วยที่เป็นโรค SLE หรือในผู้ป่วยติดเชื้อ HIV การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ในผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีความเสี่ยงจะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หลังจากแพทย์ซักประวัติและพิจารณาจากอาชีพลักษณะงาน สิ่งแวดล้อม สิ่งกระตุ้นแล้ว จะทำการตรวจหาดังนี้... 1. ตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา (Biopsy) 2.
การให้ยาปฏิชีวนะใน NHL บางชนิด 2. การใช้ยาเคมีบำบัด 3. การรักษาด้วยการฉายรังสี 4. การรักษาด้วยแอนตี้บอดี้ 5. การรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (Stem Cell Transplantation) การดูแลตัวเองหลังการรักษา • รับประทานอาหารที่สะอาดและทำสุกใหม่ๆ • การออกกำลังกาย ผู้ป่วยสามารถออกกำลังกายเท่าที่ทนได้ ไม่ควรหักโหม • ผิวหนัง ควรอาบน้ำและฟอกสบู่ให้สะอาดโดยเฉพาะบริเวณที่อับชื้น • ควรรักษาความสะอาดในช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ • ควรล้างและดูแลบริเวณทวารหนัก ทำความสะอาดหลังถ่ายทุกครั้ง • การดูแลสุขภาพจิต ควรทำความเข้าใจต่อแผนการรักษากับแพทย์ • การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ