กสิกรไทย ที่มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้เติบโตตามตลาดหุ้นไทย หรือมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 6%* ที่สำคัญคือ เงินต้นอยู่ครบ 100%** เห็นโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงขนาดนี้ หลายคนคงสงสัยว่า กองทุนรวมนี้ลงทุนอะไรบ้าง และมีความเสี่ยงขนาดไหน? เพราะเคยได้ยินมาว่า ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงสูง… อย่าปล่อยให้ความสงสัยค้างคาใจ เรามาทำความรู้จักกองทุนนี้กันทีละประเด็นดีกว่า KCR1YA เป็นกองทุนที่ลงทุนครั้งเดียว ซึ่งหมายความว่า ผู้ลงทุนจะต้องถือกองทุนไว้จนครบอายุโครงการหรือประมาณ 1 ปี และกองทุนนี้เป็นกองทุนรวมที่จ่ายผลตอบแทนแบบซับซ้อน หรือ Complex Return Fund บางคนเมื่อเห็นคำว่า "ซับซ้อน" ก็เกิดความกังวลว่า จะต้องยุ่งยากแน่ๆ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้ซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะทำความเข้าใจ กองทุนนี้ลงทุนอะไรบ้าง?
ลงทุนยังไงดี ในช่วงนี้การลงทุนอาจจะไม่ได้รับผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำเท่าไหร่ จะลงทุนแบบไหนให้ยังพอได้ผลตอบแทนที่มากกว่าเงินออมบ้าง มาดูไอเดียว่าลงทุนยังไงดี ในช่วงดอกเบี้ยต่ำอย่างนี้ 1. ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนับเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด เพราะลูกหนี้ของเราคือรัฐบาล โอกาสที่รัฐบาลจะผิดนัดชำระหนี้เรานั้นมีน้อยมาก แต่อัตราผลตอบแทนที่เราได้รับก็จะน้อยด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามถึงแม้ผลตอบแทนจะต่ำแต่ก็มีความน่าเชื่อถือและมั่นคง ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุนในภาวะดอกเบี้ยต่ำเช่นนี้ 2. หุ้นกู้ภาคเอกชน คือตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน ลูกหนี้ของเราก็คือบริษัทผู้ออกตราสาร ซึ่งผลตอบแทนของหุ้นกู้ภาคเอกชนก็จะสูงกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล และความเสี่ยงก็จะสูงกว่าด้วยเช่นกัน สิ่งสำคัญสำหรับการลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชนก็คือ การพิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสาร เนื่องจากความมั่นคงทางการเงินของบริษัทเหล่านี้ก็แตกต่างกันออกไป อัตราส่วนทางการเงินหลักๆ ที่ควรต้องพิจารณาก่อนการลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชน ได้แก่ อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio), อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) และอัตราส่วนวัดความสามารถในการชำระหนี้ (Debt Service Coverage Ratio) เป็นต้น 3.
สมมติว่าผมมีเงินลงทุนแค่เดือนละ 5000 บาท ผมวางแผนการลงทุนไว้ 3 วิธีดังนี้ ซื้อกองทุนที่ผมสนใจ 5 กองทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงกองทุนละ 1, 000 บาท หรือ ซื้อแค่ 2 กองทุน กองปันผล 3, 000 บาท กองไม่ปันผล 2, 000 บาท หรือ ซื้อกองทุนปันผลกองเดียว 5, 000 บาท โดยทุกๆ ทางเลือก จะลงทุนแบบ DCA ไปเรื่อยๆ แบบไหนถึงจะให้ผลตอบแทนดีกว่ากันครับ? คำตอบ ก่อนอื่นทำความเข้าใจเรื่อง " การกระจายความเสี่ยง " หรือ " Diversification " กันก่อนนะครับ จะได้คุยภาษาเดียวกัน กระจายความเสี่ยงกันไปทำไม?
กลับมาที่คำถาม: จะซื้อกี่กองดี?
คำตอบคือ "ลงทุน" ครับ การลงทุนมีหลายรูปแบบ ปกติเวลาเราพูดถึงการลงทุน ก็คือการซื้อหุ้น แต่นอกจากนี้เรายังสามารถใช้เงินให้การงานก้าวหน้า ใช้เงินสร้างความไว้วางใจ ใช้เงินสร้างคอนเน็คชั่น เป็นต้น การลงทุนแบบนี้ทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้น ได้เลื่อนตำแหน่ง เรียกได้ว่าเป็นวิธีใช้เงินของคนที่ประสบความสำเร็จครับ การเก็บเงินไม่ช่วยอะไร อย่าเก็บเงินอย่างเดียว ต้องลงทุนด้วย โลกนี้มีคนเยอะมากที่ไม่ยอมใช้เงินแล้วเอาแต่เก็บลูกเดียว ผมไม่แนะนำให้คุณทำแบบนั้น คนทั่วไปมักคิดว่า "จงเก็บเงินไว้ใช้ยามแก่เฒ่า" แต่ความคิดแบบนี้ทำให้คุณมั่งคั่งได้จริงเหรอ?
Q&A EP. 46: ลงทุนกองทุนแบบไหนดี? "จับจังหวะ" VS. "DCA" - YouTube
ผมว่าฟันธงไปก็ไม่จบไม่สิ้น สู้พยายามอธิบายหลักคิด แล้วให้ผู้ถามสามารถพิจารณาและตอบตัวเองได้ดีกว่า… เงินเรา เป้าหมายเรา ความพอใจเรา รับผิดชอบเอาทั้ง 100% กันครับ
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า นี่เป็นกองทุนที่ผู้ลงทุนต้องถือจนครบกำหนดโครงการคือประมาณ 1 ปี ดังนั้น ก็ต้องแน่ใจว่า ไม่จำเป็นต้องใช้เงินที่นำมาลงทุนอย่างน้อยเป็นเวลา 1 ปี และเป็นคนที่ต้องการรักษาเงินต้นไว้ แต่ก็อยากได้ผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงิน และยังได้ลุ้นผลตอบแทนเหมือนได้ลงทุนในหุ้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการปรับขึ้นของดัชนี SET50 ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับผลตอบแทนที่อาจต่ำกว่าหุ้นได้ด้วย หากเช็กตัวเองแล้วเห็นว่า นี่คือกองทุนที่ "ใช่" ก็สามารถซื้อกองทุน KCR1YA เข้าเติมพอร์ตลงทุนของตัวเองได้เลย ซึ่งเสนอขายครั้งเดียว วันที่ 30 ก. ค. -5 ส.
นักลงทุนระดับโลกได้ผลตอบแทนปีละ 20-30% ก็ถือว่าหรูมากแล้ว แต่ผมกล้าดียังไงมาบอกว่าลงทุนได้ผลตอบแทน 4000%?